นักวิทยาศาสตร์ชี้ ปี 2023 น่าจะเป็นปีที่ร้อนที่สุดเท่าที่เคยมีมา

นักวิทยาศาสตร์ชี้ ปี 2023 น่าจะเป็นปีที่ร้อนที่สุดเท่าที่เคยมีมา

นักวิทยาศาสตร์ชี้ ปี 2023 น่าจะเป็นปีที่ร้อนที่สุดเท่าที่เคยมีมา ปี 2023 เป็นปีที่ทำให้เราตื่นตาตื่นใจกับสถิติอุณหภูมิโลกที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งส่งผลให้เราต้องเผชิญกับอุณหภูมิที่สูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะในเดือนตุลาคม ที่เราเห็นว่าโลกอบอุ่นมากที่สุดในประวัติศาสตร์ โดยมีอุณหภูมิพื้นผิวเฉลี่ยที่ทะเลขึ้น 15.3 องศาเซลเซียส (59.54 องศาฟาเรนไฮต์) ตลอดช่วงเวลาดังกล่าว รายงานจากสำนักงานเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศโคเปอร์นิคัส (C3S)

ของสหภาพยุโรประบุว่า สถิตินี้เป็นผลมาจากการติดตามและวัดค่าอุณหภูมิของพื้นผิวโลกในเดือนตุลาคม และทำให้เราเห็นว่าเรายังไม่เคยเผชิญกับความร้อนนี้มาก่อน อุณหภูมิพื้นผิวที่สูงขึ้นนี้เกิดขึ้นในช่วงเวลาระหว่างปี 1991-2020 และเพิ่มขึ้นถึง 0.85 องศาเซลเซียสเมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยของเดือนตุลาคม ระหว่างปี 1991-2020 ซึ่งยังมีความสูงกว่าช่วงก่อนอุตสาหกรรมระหว่างปี 1850-1900 อย่างมีนัยสำคัญเป็น 1.7 องศาเซลเซียส

การเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิโลกที่ไม่เคยเชยมาก่อนนี้ส่งผลกระทบต่อสภาพภูมิอากาศในโลกอย่างมีนัยสำคัญ มีหลายผลกระทบที่เราต้องพิจารณา การเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิทะเลอาจทำให้ปรากฏการเปลี่ยนแปลงในสภาพภูมิอากาศที่ไม่คาดคิด เป็นไปได้ที่จะมีการเพิ่มขึ้นของพายุที่มีพลังแรงมากขึ้นที่ทะเล ที่อาจก่อให้เกิดความเสียหายในพื้นที่ชายฝั่ง อุณหภูมิที่สูงขึ้นสามารถมีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมอย่างมีนัยสำคัญ หนึ่งในนั้นคือการทำให้น้ำทะเลที่อุณหภูมิสูงขึ้น

นักวิทยาศาสตร์ชี้ ปัจจุบันอุณหภูมิสูงกว่าค่าเฉลี่ยก่อนยุคอุตสาหกรรมถึง 1.43 องศาเซลเซียส

นักวิทยาศาสตร์ชี้ ปัจจุบันอุณหภูมิสูงกว่าค่าเฉลี่ยก่อนยุคอุตสาหกรรมถึง 1.43 องศาเซลเซียส

ทำให้ปรากฏการเปลี่ยนแปลงในระบบนิเวศน์ในทะเลที่อาจส่งผลต่อการสูญเสียสัตว์น้ำและปรากฏการเปลี่ยนแปลงในระบบประมง ความร้อนที่สูงขึ้นสามารถส่งผลกระทบต่อสุขภาพของมนุษย์ อุณหภูมิที่สูงขึ้นอาจส่งผลต่อการเพิ่มความเสี่ยงในการเป็นโรคเรื้อรัง เช่นโรคหัวใจและโรคระบบทางเดินหายใจ การเผชิญกับสถิติอุณหภูมิโลกที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจะบังคับให้เราต้องรับผิดชอบในการดูแลสิ่งแวดล้อมและลดอุณหภูมิโลก นี่คือบางสิ่งที่เราสามารถทำ

การลดการใช้พลังงานหมายความว่าเราควรใช้พลังงานทดแทนแทนที่จะใช้พลังงานจากแหล่งพลังงานที่เป็นประจำ เช่น พลังงานทดแทนดวงอาทิตย์หรือลม นี่สามารถช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลงมาในบรรยากาศ ต้นไม้มีความสามารถในการดูดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ออกจากบรรยากาศ การปลูกต้นไม้และสนับสนุนการรักษาป่าช่วยลดปริมาณก๊าซเรือนกระจกในบรรยากาศ ยานยนต์ไฟฟ้าเป็นอีกวิธีหนึ่งในการลดปริมาณก๊าซเรือนกระจกที่ปล่อยออกมาในบรรยากาศ

การส่งเสริมการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าและการใช้การขนส่งสาธารณะอาจช่วยลดการใช้ยานยนต์ที่ใช้น้ำมันดีเซลหรือเบนซิน สถิติอุณหภูมิโลกที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในปี 2023 เป็นเรื่องที่ควรนำมาพิจารณาอย่างสำคัญ เราต้องรับผิดชอบในการรักษาสิ่งแวดล้อมและลดอุณหภูมิโลกให้มีสภาพที่ดีขึ้น การใช้พลังงานทดแทน การปลูกต้นไม้ และการส่งเสริมการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าเป็นวิธีที่เราสามารถช่วยลดความผิดปกติในสภาพภูมิอากาศของโลกอย่างมีนัยสำคัญ มีหน้าที่ของเราที่จะรับผิดชอบและทำสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับโลกของเราและรุ่นต่อๆ ไป

โดย ufa168 

o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o

ข่าวทั่วไป หน้าแรก